ความแตกต่างของ LED และ OLED เป็นอย่างไร?

หากพูดถึงเทคโนโลยี LED เพื่อนๆ คงรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถ้าหากพูดถึงเทคโนโลยี OLED หลายคนอาจจะต้องเกาหัวสงสัยกันอยู่ว่า มันคืออะไร แล้วแตกต่างจากเทคโนโลยี LED อย่างไร วันนี้ LGBlogger จะมาอธิบายความแตกต่างระหว่าง LED TV และ OLED TV ให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพชัดเจนกันมากยิ่งขึ้นครับ เปรียบเทียบระหว่าง LED และ OLED

กำเนิดแสงด้วยตัวเอง (Pixel Dimming)

เทคโนโลยี OLED มีพิกเซลที่สามารถกำเนิดแสงด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งหลอดไฟหรือสื่อนำ พิกเซลจะช่วยควบคุมแสงสว่าง และสร้างมิติตื้นลึกสุดสมจริงมากกว่า LED โดยทั่วไปครับ

Life Like Colour

สีสันสมจริง (Life-Like Color)

ด้วยเทคโนโลยีแม่สีใน OLED ที่มีมากกว่า LED ถึง 4 สีพิกเซล และยังเพิ่มซับพิกเซลสีขาวที่ทำงานร่วมกับพิกเซลสีมาตรฐานอีก 3 สี ช่วยให้สามารถแสดงสีสันได้แม่นยำเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น

Paper Silm

สุดยอดเทคโนโลยีแห่งความบาง (Paper Slim)

OLED ลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้หน้าจอแสดงผลบางเฉียบ แถมยังมีน้ำหนักเบาที่สุดอีกด้วย

True Black

แสดงสีสันสมจริง – True Black

เทคโนโลยี OLED นำเสนอสีสันที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ LED ทั่วไปไม่สามารถทำได้ ด้วยพิกเซลที่กำเนิดแสงด้วยตัวเองจะช่วยควบคุมความสว่างของตัวเองอย่างอิสระ เป็นผลให้เกิดความตื้นลึกและโทนสีของภาพสุดสมจริง ภาพที่แสดงออกมาจึงดูมีชีวิตชีวา ไม่มืดมน

Clear Motion 1

แสดงภาพเคลื่อนไหวอย่างคมชัด (Clear Motion)

เทคโนโลยี OLED มีความเร็วในการตอบสนองเหนือกว่า LED ทั่วไปถึง 1000 เท่า ทำให้สามารถรับชมภาพเคลื่อนไหวโดยที่ไม่มีปัญหาภาพเบลอมากวนใจได้เลยครับ

Perfect Viewing Angle

มุมมองภาพสมบูรณ์แบบ (Perfect Viewing Angle)

เทคโนโลยี OLED ก้าวข้ามขีดจำกัดเกี่ยวกับองศาในการรับชมภาพ ทั้งแสดงสีสัน และรักษาค่าคอนทราสต์อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะรับชมจากองศาใดครับ


เพื่อนๆ สามารถดูคลิปวีดีโอตัวเต็มได้ที่นี่เลยครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับเพื่อนๆ กับสุดยอดเทคโนโลยีอย่าง OLED แตกต่างไปจากเทคโนโลยี LED เลยใช่ไหมละครับ ซึ่งหากใครกำลังมองหาทีวีที่มีความคมชัด สมจริงทุกองศาอยู่นั้น พลาดไม่ได้เลยครับกับ OLED TV จาก LG ซึ่งนอกจาก LG จะนำเทคโนโลยีอย่าง OLED มาใช้กันแล้ว ยังข้ามขีดจำกัดในเรื่องของการออกแบบ ด้วยหน้าจอโค้งเครื่องแรกของโลก หน้าจอโค้งนี้จะช่วยสร้างระยะห่างจากสายตากับหน้าจอที่เท่ากันไม่ว่าจะมองไปยังตำแหน่งใด องศาแห่งความโค้งถูกกำหนดขึ้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์และถูกคำนวณอย่างถี่ถ้วน ผลลัพท์ที่ได้คือการแสดงผลบนหน้าจอแบบไร้ความผิดเพี้ยน ขนาดของภาพจะสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ตรงกลางหรือริมขอบจอ ซึ่งจอโค้งจะทำให้เพื่อนๆ รู้สึกเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริง แทนที่จะรู้สึกว่าเกิดขึ้นในหน้าจอแบนสองมิติทั่วไปครับ

2014-07-23_113111